กาพย์เห่ชมเครื่องคาวหวานเป็นบทพระราชนิพนธ์ในพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย
สันนิษฐานว่าทรงพระราชนิพนธ์ในรัชกาลที่ ๑ เพราะมีความบางตอนได้ทรงชมสมเด็จพระศรีสุริเยนทราบรมราชินีเมื่อครั้งยังเป็นสมเด็จพระเจ้าหลานเธอ
ซึ่งมีฝีพระหัตถ์ในกระบวนเครื่องเสวยไม่มีผู้ใดจะมีฝีมือเทียบเคียงได้
ในรัชสมัยของพระองค์วรรณคดีและศิลปกรรมเจริญรุ่งเรืองมาก
พระองค์มีพระอัจฉริยภาพทางด้านวรรณศิลป์ พระราชนิพนธ์ของพระองค์หลายเรื่องมีความประณีตงดงามในเชิงอักษรศาสตร์ และสามารถนำไปผสมผสานกับนาฏยศาสตร์และดุริยางคศาสตร์ได้อย่างกลมกลืน
พระองค์ทรงฟื้นฟูการแสดงโขน
การขับร้อง และดนตรี ให้มีระเบียบแบบแผนที่ถูกต้องจนเป็นที่นิยมสืบมา
กาพย์เห่ชมเครื่องคาว-หวาน เป็นความงดงามของวรรณคดีที่สะท้อนให้เห็นความประณีต ละเอียดละอ่อนของชนชาติไทยที่บรรจงประดิดประดอยโภชนาหารนานาชนิดให้เลิศด้วย รสชาติแลวิลาสด้วยรูปลักษณ์ และสะท้อนความเป็นอยู่ของคนไทยในสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ได้อย่าเด่นชัด บทเห่แบ่งเป็นชมเครื่องคาว ชมผลไม้ และชมเครื่องหวาน
บทเห่ชมเครื่องคาว
ไม่เพียงแต่จะเอ่ยเพียงชื่ออาหารที่เป็นที่นิยมในกรุงรัตนโกสินทร์เท่านั้น
แต่ยังบอกลักษณะที่ควรจะเป็นของอาหารชนิดนั้นไว้
มัสมั่นแกงแก้วตา หอมยี่หร่ารสร้อนแรง
ชายใดได้กลิ่นแกง แรงอยากให้ใฝ่ฝันหา
![]() |
ภาพจาก : https://f.ptcdn.info/973/050/000/opik1ui74i1bj4Q2nmK-o.jpg |
ความรุ่งเรืองของกรุงรัตนโกสินทร์ ทำให้มีการติดต่อค้าขายกับชนชาติต่างๆ จึงทำให้มีการแลกเปลี่ยนระหว่างวัฒนธรรมเกิดขึ้น “ น้ำปลาญี่ปุ่น ” แสดงให้เห็นความสัมพันธ์ระหว่างดินแดนสุวรรณภูมิและดินแดนอาทิตย์อุทัยที่ สนิมแนบแน่นมาตั้งแต่ครั้งบรรพกาล เกิดการผสมผสานของวัฒนธรรมด้านอาหารของคนสองเชื้อชาติได้อย่างลงตัว
ยำใหญ่ใส่สารพัด วางจานจัดหลายเหลือตรา
รสดีด้วยน้ำปลา ญี่ปุ่นล้ำย้ำยวนใจ
![]() |
ภาพจาก : http://uppic.promotiontoyou.com/uploads/4b1e8c23093d30e5fd29df495a2615b8.jpg |
บทเห่ชมผลไม้ เริ่มด้วยการชมผลชิดแช่อิ่ม
และพรรณนาถึงผลไม้ชนิดต่างๆ ได้แก่ ลูกตาล ลูกจากลอยแก้ว มะปราง มะม่วงหมอนทอง
มะม่วงอกร่อง ลิ้นจี่ พลับจีนกวน น้ำตาล น้อยหน่า ผลเกด ทับทิม ทุเรียน ลางสาด
เงาะ และผลสละ
ศาสตร์และศิลปะแห่งอาหารชาววัง
ได้ถูกนำออกมาเผยแพร่ให้ประชาชนทั่วไปได้ทราบจากบทเห่ชมผลไม้ซึ่งได้พรรณนา
ถึงศิลปะในการแกะ ปอก คว้านผลไม้ได้อย่างวิจิตร งดงาม
ของกุลสตรีไทยที่ไม่มีหญิงชนชาติใดเหมือน
น้อยหน่านำเมล็ดออก ปล้อนเปลือกปอกเป็นอัศจรรย์
มือใครไหนจักทัน เทียบเทียมที่ฝีมือนาง
![]() |
ภาพจาก : http://puechkaset.com/wp-content/uploads/2015/02/.jpg |
บทเห่ชมเครื่องหวาน
มีเครื่องหวานหลากหลายชนิด ได้แก่ ข้าวเหนียว สังขยาหน้าไข่ ซ่าหริ่ม ลำเจียก มัศกอด ลุดตี่ ขนมจีบ ขนมเทียน ทองหยิบ
ขนมผิง รังไร ทองหยอด ทองม้วน จ่ามงกุฎ บัวลอย ช่อม่วง และฝอยทอง
เครื่องหวานที่ปรากฏสะท้อนให้เห็นถึงการผสมผสานในด้านวัฒนธรรมอาหารของไทย
กับหลายเชื้อชาติตั้งแต่ครั้งสมัยสมเด็จพระนารายณ์แห่งกรุงศรีอยุธยาจนถึงกรุงรัตนโกสินทร์
งามจริงจ่ามงกุฎ ใส่ชื่อดุจมงกุฎทอง
เรียมร่ำคำนึงปอง สะอิ้งน้องนั้นเคยยล
![]() |
ภาพจาก : http://2.bp.blogspot.com/_yP2ifxfDgtY/TRiNEn8nqgI.jpg |
กาพย์เห่ชมเครื่องคาวหวานนอกจาก
จะแสดงถึงพระปรีชาสามารถทางกวีของพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัยที่
ทรงพระราชนิพนธ์ได้อย่างไพเราะ ยังทำให้เห็นภาพความวิจิตรงดงามของศิลปะอาหารชาววังที่อยู่คู่กับกุลสตรี
สยาม ซึ่งความงามของอาหารไม่เพียงแต่ความงามที่ปรากฏแก่สายตามเท่านั้น
หากแต่ยังรวมถึงสุนทรีย์แห่งรสชาติ
ซึ่งในปัจจุบันตำรับอาหารคาวหวานและผลไม้ชนิดต่างๆ
ก็ยังคงเป็นที่รู้จักกันดีในสังคมไทยทุกวันนี้
เห่ชมเครื่องคาว
๏ แกงไก่มัสมั่นเนื้อ นพคุณ พี่เอย
หอมยี่หร่ารสฉุน เฉียบร้อน
ชายใดบริโภคภุญช์ พิศวาส หวังนา
แรงอยากยอหัตถ์ข้อน อกให้หวนแสวง ๚
๏
มัสมั่นแกงแก้วตา หอมยี่หร่ารสร้อนแรง
ชายใดได้กลืนแกง แรงอยากให้ใฝ่ฝันหา
๏
ยำใหญ่ใส่สารพัด วางจานจัดหลายเหลือตรา
รสดีด้วยน้ำปลา ญี่ปุ่นล้ำย้ำยวนใจ
๏
ตับเหล็กลวกหล่อนต้ม เจือน้ำส้มโรยพริกไทย
โอชาจะหาไหน ไม่มีเทียบเปรียบมือนาง
๏
หมูแนมแหลมเลิศรส พร้อมพริกสดใบทองหลาง
พิศห่อเห็นรางชาง ห่างห่อหวนป่วนใจโหย
๏
ก้อยกุ้งปรุงประทิ่น วางถึงลิ้นดิ้นแดโดย
รสทิพย์หยิบมาโปรย ฤๅจะเปรียบเทียบทันขวัญ
๏
เทโพพื้นเนื้อท้อง เป็นมันย่องล่องลอยมัน
น่าซดรสครามครัน ของสวรรค์เสวยรมย์
๏
ความรักยักเปลี่ยนท่า ทำน้ำยาอย่างแกงขม
กลอ่อมกล่อมเกลี้ยงกลม ชมไม่วายคล้ายคล้ายเห็น
๏
ข้าวหุงปรุงอย่างเทศ รสพิเศษใส่ลูกเอ็น
ใครหุงปรุงไม่เป็น เช่นเชิงมิตรประดิษฐ์ทำ
๏
เหลือรู้หมูป่าต้ม แกงคั่วส้มใส่ระกำ
รอยแจ้งแห่งความขำ ช้ำทรวงเศร้าเจ้าตรากตรอม
๏
ช้าช้าพล่าเนื้อสด ฟุ้งปรากฏรสหื่นหอม
คิดความยามถนอม สนิทเนื้อเจือเสาวคนธ์
๏
ล่าเตียงคิดเตียงน้อง
นอนเตียงทองทำเมืองบน
ลดหลั่นชั้นชอบกล ยลอยากนิทรคิดแนบนอน
๏
เห็นหรุ่มรุมทรวงเศร้า รุ่มรุ่มเร้าคือไฟฟอน
เจ็บไกลในอาวรณ์ ร้อนรุมรุ่มกลุ้มกลางทรวง
๏
รังนกนึ่งน่าซด โอชารสกว่าทั้งปวง
นกพรากจากรังรวง เหมือนเรียมร้างห่างห้องหวน
๏
ไตปลาเสแสร้งว่า
ดุจวาจากระบิดกระบวน
ใบโศกบอกโศกครวญ ให้พี่เคร่าเจ้าดวงใจ
๏
ผักโฉมชื่อเพราะพร้อง เป็นโฉมน้องฤๅโฉมไหน
ผักหวานซ่านทรวงใน ใคร่ครวญรักผักหวานนาง ๚
เห่ชมผลไม้
๏
ผลชิดแช่อิ่มโอ้ เอมใจ
หอมชื่นกลืนหวานใน อกชู้
รื่นรื่นรสรมย์ใด ฤๅดุจ นี้แม
หวานเลิศเหลือรู้รู้ แต่เนื้อนงพาล ๚
๏
ผลชิดแช่อิ่มอบ หอมตรลบล้ำเหลือหวาน
รสไหนไม่เปรียบปาน หวานเหลือแล้วแก้วกลอยใจ
๏
ตาลเฉาะเหมาะใจจริง รสเย็นยิ่งยิ่งเย็นใจ
คิดความยามพิสมัย หมายเหมือนจริงยิ่งอยากเห็น
๏
ผลจากเจ้าลอยแก้ว บอกความแล้วจากจำเป็น
จากช้ำน้ำตากระเด็น เป็นทุกข์ท่าหน้านวลแตง
๏
หมากปรางนางปอกแล้ว ใส่โถแก้วแพร้วพรายแสง
ยามชื่นรื่นโรยแรง ปรางอิ่มอาบซาบนาสา
๏
หวนห่วงม่วงหมอนทอง อีกอกร่องรสโอชา
คิดความยามนิทรา อุราแนบแอบอกอร
๏
ลิ้นจี่มีครุ่นครุ่น เรียกส้มฉุนใช้นามกร
หวนถวิลลิ้นลมงอน ชะอ้อนถ้อยร้อยกระบวน
๏
พลับจีนจักด้วยมีด ทำประณีตน้ำตาลกวน
คิดโอษฐ์อ่อนยิ้มยวน ยลยิ่งพลับยับยับพรรณ
๏
น้อยหน่านำเมล็ดออก ปล้อนเปลือกปอกเป็นอัศจรรย
มือใครไหนจักทัน เทียบเทียมที่ฝีมือนาง
๏
ผลเกดพิเศษสด โอชารสล้ำเลิศปาง
คำนึงถึงเอวบาง สางเกศเส้นขนเม่นสอย
๏
ทับทิมพริ้มตาตรู ใส่จานดูดุจเม็ดพลอย
สุกแสงแดงจักย้อย อย่างแหวนก้อยแก้วตาชาย
๏
ทุเรียนเจียนตองปู เนื้อดีดูเหลือเรืองพราย
เหมือนศรีฉวีกาย สายสวาทพี่ที่คู่คิด
๏
ลางสาดแสวงเนื้อหอม ผลงอมงอมรสหวานสนิท
กลืนพลางทางเพ่งพิศ คิดยามสารทยาตรามา
๏
ผลเงาะไม่งามแงะ มล่อนเมล็ดและเหลือปัญญา
หวนเห็นเช่นรจนา จ๋าเจ้าเงาะเพราะเห็นงาม
๏
สละสำแลงผล คิดลำต้นแน่นหนาหนาม
ท่าทิ่มปิ้มปืนกาม นามสละมละเมตตา ๚
เห่ชมเครื่องหวาน
๏
สังขยาหน้าไข่คุ้น เคยมี
แกมกับข้าวเหนียวสี โศกย้อม
เป็นนัยนำวาที สมรแม่ มาแม
แถลงว่าโศกเสมอพ้อม เพียบแอ้อกอร ๚
๏
สังขยาหน้าตั้งไข่ ข้าวเหนียวใส่สีโศกแสดง
เป็นนัยไม่เคลือบแคลง แจ้งว่าเจ้าเศร้าโศกเหลือ
๏
ซ่าหริ่มลิ้มหวานล้ำ แทรกใส่น้ำกะทิเจือ
วิตกอกแห้งเครือ ได้เสพหริ่มพิมเสนโรย
๏
ลำเจียกชื่อขนม นึกโฉมฉมหอมชวยโชย
ไกลกลิ่นดิ้นแดโดย โหยไห้หาบุหงางาม
๏
มัศกอดกอดอย่างไร น่าสงสัยใคร่ขอถาม
กอดเคล้นจะเห็นความ ขนมนามนี้ยังแคลง
๏
ลุดตี่นี้น่าชม แผ่แผ่นกลมเพียงแผ่นแผง
โอชาหน้าไก่แกง แคลงของแขกแปลกกลิ่นอาย
๏
ขนมจีบเจ้าจีบห่อ งามสมส่อประพิมพ์ประพาย
นึกน้องนุ่งจีบกราย ชายพกจีบกลีบแนบเนียน
๏
รสรักยักลำนำ ประดิษฐ์ทำขนมเทียน
คำนึงนิ้วนางเจียน เทียนหล่อเหลาเกลากลึงกลม
๏
ทองหยิบทิพย์เทียมทัด สามหยิบชัดน่าเชยชม
หลงหยิบว่ายาดม ก้มหน้าเมินเขินขวยใจ
๏
ขนมผิงผิงผ่าวร้อน เพียงไฟฟอนฟอกทรวงใน
ร้อนนักรักแรมไกล เมื่อไรเห็นจะเย็นทรวง
๏
รังไรโรงด้วยแป้ง เหมือนนกแกล้วทำรังรวง
โอ้อกนกทั้งปวง ยังยินดีด้วยมีรัง
๏
ทองหยอดทอดสนิท ทองม้วนมิดคิดความหลัง
สองปีสองปิดบัง แต่ลำพังสองต่อสอง
๏
งามจริงจ่ามงกุฏ ใส่ชื่อดุจมงกุฏทอง
เรียมร่ำคำนึงปอง สะอิ้งน้องนั้นเคยยล
๏
บัวลอยเล่ห์บัวงาม คิดบัวกามแก้วกับตน
ปลั่งเปล่งเคร่งยุคล สถนนุชดุจประทุม
๏
ช่อม่วงเหมาะมีรส หอมปรากฏกลโกสุม
คิดสีสไลคลุม หุ้มห่อม่วงดวงพุดตาน
๏
ฝอยทองเป็นยองใย เหมือนเส้นไหมไข่ของหวาน
คิดความยามเยาวมาลย์ เย็บชุนใช้ไหมทองจีน ๚
วีดีโอ การอ่านทำนองเสนาะ
อ้างอิง
บทเรียนบนเครือข่ายอินเทอร์เน็ต วรรณคดีวิจักษ์ ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่
๑
กาพย์เห่ชมเครื่องคาวหวาน พระราชนิพนธ์
โดย พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย รัชกาลที่ ๒
http://oknation.nationtv.tv/blog/YukiTigeryu/2010/09/09/entry-1
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น